
การไปเรียนต่อต่างประเทศนั้นนอกจากกายพร้อมใจพร้อมแล้ว จะต้องมีขั้นตอนและเอกสารมากมายก่ายกองที่เราจะต้องเตรียม ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวมากๆ แต่ก็เลี่ยงไม่ได้จริงๆ แต่สัญญาว่าได้ไปเรียนแล้ว ความเหนื่อยจากการเตรียมเอกสารต่างๆ จะหายไปเป็นปลิดทิ้งเลย
วันนี้ Intake ผู้เป็นทุกอย่างให้เธอ(เสมอ)แล้ว มี Checklist รายการเอกสารหลักๆ ไว้ให้น้องๆ เตรียมไว้เพื่อที่จะยื่นสมัครมหาวิทยาลัย และทำวีซ่า เตรียมตัวพร้อมบินไปกับเราได้เล้ยย เอกสารทั้งหมดที่จะกล่าวต่อไปนี้จะต้องเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด งงตรงไหนติดต่อมาหา Intake ด่วนๆ เอกสารครบก่อน สมัครก่อน มีโอกาสก่อนเด้อ แอดไลน์ถามเราได้โดยตรงคลิกที่นี่ @Intake.th
ใบสมัคร Application Form
Application Form ของมหาวิทยาลัยที่ต้องการสมัครนั้น สามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซด์ของคณะโดยตรง โดยส่วนมากจะอยู่ในแถบ Admission แล้วจะมีเมนูสำหรับ Application Form ให้ดาวน์โหลดอยู่ หรือถ้าให้ง่ายกว่านั้นคือคลิกมาที่ Talk with us ได้เลย ไม่ต้องหาให้วุ่นวาย พี่ๆ Intake จะส่งฟอร์มให้น้องๆเอง ไม่ต้องหาให้เสียเวลาจ้า
Transcript
คือใบแสดงผลการเรียนหรือใบเกรดที่มหาวิทยาลัยหรือที่โรงเรียนจะออกให้เราไว้ เพื่อแสดงถึงผลการเรียนรายวิชา และผลการเรียนรวมของเราไว้ในแผ่นเดียว ซึ่งพี่ขอบอกว่าเป็นเอกสารที่สำคัญมากๆ ที่จะต้องแนบไปกับใบสมัคร แต่ถ้าหาไม่เจอหรือทำหายต้องติดต่อสถาบันศึกษาเดิมของน้องๆ เพื่อที่จะขอออกใหม่ได้ หรือถ้าใครมีเป็นภาษาไทยก็ไปขอใหม่เป็นภาษาอังกฤษ
Graduation Certificate
หรือใบรับรองจบการศึกษานั่นเอง ใบจบนั้นทางสถาบันการศึกษาของน้องๆ จะให้มาพร้อมกันในวันที่เราสำเร็จการศึกษาจากสถาบันนั้น หรืออาจจะต้องขอเพิ่มเติมจากทางสถาบัน ไม่ใช่ใบปริญญา แต่เราจะแนบใบปริญญาเพิ่มเติมไปจากใบรับรองการจบการศึกษาก็ได้ โดยเอกสารรับรองการจบจะต้องเป็นภาษาอังกฤษด้วยเช่นกัน
Statement of Purpose (SOP)
หรือจดหมายแนะนำตัวเอง เขียนเหมือนเรียงความในการจะสื่อสารกับกรรมการว่า อดีต ปัจจุบัน และอนาคตเราเป็นยังไง ทำไมเราถึงเหมาะกับหลักสูตรและมหาวิทยาลัยนั้น โดยเขียนเป็นภาษาอังกฤษ น้องๆ คนไหนประสบปัญหาไม่รู้จะเขียนยังไง พี่ๆ Intake มีคำแนะนำให้น้องๆ มากมาย เราเข้าใจดีว่าการเขียนเรื่องของตัวเองมันไม่ง่าย แต่ถ้าเขียนเรื่องคนอื่นไม่แน่ (ล้อเล่นๆ)
Resume / CV (Curriculum Vitae)
เป็นเอกสารที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติของคุณ บางที่อาจจะขอ Resume แต่ส่วนมากจะขอ CV เพราะ CV จะมีการบรรยายลงลึกและละเอียดกว่า Resume ซึ่งเหมาะแก่การสมัครเรียนต่อ แต่ทั้งสองเอกสารมีความคล้ายกัน คือจะมีข้อมูลเกี่ยวกับเรา เช่นชื่อนามสกุล อาชีพ สถาบันศึกษา และประสบการณ์ทำงาน ประมาณเดียวกับประวัติส่วนตัวตอนจะยื่นสมัครงาน โดยประวัติแต่ละคนก็จะมีรูปแบบการเขียนต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่ามหาวิทยาลัยจะต้องการเอกสารแบบไหน สามารถขอดูแบบฟอร์มตัวอย่างจากพี่ๆ ผู้จะเป็นทุกอย่างให้น้องๆได้เลย
Letter of Recommendation (LoR)
หนังสือรับรองที่ให้คนอื่นรับรองเรา โดยทำในรูปแบบของจดหมาย จากอาจารย์หรือหัวหน้าที่ทำงานจำนวนอย่างน้อย 2 ฉบับ ซึ่งบางที่ก็ไม่ต้องยื่นแล้ว แต่ส่วนมากยังขอจดหมายรับรองอยู่ ใครอยากสมัครที่ที่ต้องใช้อยู่ รีบติดต่อคนที่อยากให้มารับรองเราด่วนๆ เลย ลองติดต่อไว้ก่อนล่วงหน้า ยิ่งสนิทยิ่งดีนะ คนรับรองจะได้เขียนให้เราแบบรู้ลึก รู้จริง ลงรายละเอียด โดยเราอาจจะต้องไปเล่าคร่าวๆ ไว้ก่อนว่า เราจะไปเรียนอะไรแล้วจะเอามาทำอะไร คนรับรองจะได้มีไอเดียในการเขียนรับรองให้เรา ถ้าเป็นเจ้านายหรือคนที่เราทำงานด้วยก็อาจจะเข้าหาโดยตรงเลย แต่ถ้าเป็นอาจารย์ที่คณะส่วนมากจะให้เรายื่นคำร้องผ่านคณะก่อน ซึ่งอาจารย์หลายท่านเขียนจดหมายรับรองมาแล้วนับไม่ถ้วน
IELTS หรือผลสอบภาษาอังกฤษอื่น ๆ ตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด
มาถึงเอกสารที่มีความหินสุดๆ สอบผ่านรอบเดียวได้ก็ดีไป ถ้าสอบหลายครั้งยังไม่ได้คะแนนที่ต้องการก็อาจจะหืดขึ้นคอหน่อย แต่ว่าตอนนี้หลายมหาวิทยาลัยมีคอร์ส Pre-sessional ให้เรียนเตรียมความพร้อมก่อน แม้คะแนนภาษาอังกฤษไม่ถึงเป้าหมายตามที่กำหนด ก็ยังมีหนทางให้ไปต่อได้ แนะนำให้น้องๆ รีบสอบไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เมื่อถึงเวลายื่นสมัครก็เอาคะแนนที่ดีที่สุดยื่นไปเลย
สำเนาหนังสือเดินทาง (Passport)
เอกสารอื่น ๆ ที่กำหนด
โดยบางคณะ หรือบางมหาวิทยาลัยต้องการเอกสารเพิ่มเติมแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับคณะและมหาวิทยาลัยที่น้องๆสมัคร สามารถติดต่อ Intake เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ จะได้ไม่พลาดโอกาสในการยื่นเอกสารได้อย่างครบถ้วนและถูกต้อง อย่าลืมว่า พร้อมยื่นก่อนได้เปรียบ
Intake Education เป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการกับมหาวิทยาลัยชื่อดังกว่า 100 แห่ง และพวกเราพร้อมจะให้คำแนะนำกับน้อง ๆ ปรึกษาพร้อมให้คำแนะนำในทุกเรื่อง ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายจ้า
พูดคุยกับเรา คลิก > Talk with us
Line OA > @Intake.th
Intake Office call : 089 666 4634